Stockholm Syndrome: อาการเห็นใจหรือมีความรู้สึกดี ๆ กับคนร้าย

มีด้วยเหรอ?! อาการเห็นใจหรือมีความรู้สึกดี ๆ กับคนร้าย ที่กระทำสิ่งไม่ดีต่อเรา อูก้าขอตอบเลยว่า “มีแน่นอน” ซึ่งอาการนี้มีชื่อเรียกว่า “Stockholm Syndrome”
Stockholm Syndrome

เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อ

มีด้วยเหรอ?! อาการเห็นใจหรือมีความรู้สึกดี ๆ กับคนร้าย ที่กระทำสิ่งไม่ดีต่อเรา อูก้าขอตอบเลยว่า “มีแน่นอน” ซึ่งอาการนี้มีชื่อเรียกว่า “Stockholm Syndrome” หนึ่งในปริศนาทางจิตวิทยา ที่ทำเอาหลาย ๆ คนถึงกับอึ้ง! เมื่อทราบรายละเอียด โดยเป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา ที่ตัวประกันหรือบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกทารุณกรรม หรือถูกกักขัง ได้พัฒนาความผูกพันทางอารมณ์กับคนร้าย คำว่า “Stockholm Syndrome” มีต้นกำเนิดมาจาก เหตุการณ์ปล้นธนาคารที่เกิดขึ้นในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในปี 1973

“Stockholm Syndrome” คำอธิบาย ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา ที่เกิดขึ้นในปี 1973

เหตุการณ์ปล้นธนาคารที่เกิดขึ้นในปี 1973 นั้น มีตัวประกัน 4 คนถูกขังอยู่ในธนาคารเป็นเวลาหลายวัน แต่น่าแปลกที่หลังจากได้รับการปล่อยตัว ตัวประกันต่างแสดงความเห็นอกเห็นใจ และมีความรู้สึกเชิงบวกต่อคนร้าย มีมากล้นจนกระทั่งปกป้องการกระทำของคนร้าย และปฏิเสธที่จะให้การเป็นพยานในศาล ปฏิกิริยาที่น่างงงวยนี้ดึงดูดความสนใจของนักจิตวิทยาเป็นอย่างมาก และคำว่า “สตอกโฮล์มซินโดรม” ได้รับการบัญญัติขึ้นเพื่ออธิบายปรากฏการณ์นี้

ผู้ที่มีอาการ Stockholm Syndrome มักจะเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่อไปนี้

ผู้ที่มีอาการของ สต็อกโฮล์มซินโดรม มักจะมีการประสบพบเจอกับปัจจัยหรือเหตุการณ์ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน จากการสำรวจและเก็บข้อมูลของนักจิตวิทยาพบว่าเหยื่อที่มีอาการนี้ มักจะเกี่ยวข้องกับปัจจัย ดังต่อไปนี้

  • มีการถูกจองจำ: เหยื่อจะถูกบังคับ, กักขัง ไว้ตามความประสงค์ของคนร้าย
  • เหยื่อรับรู้ถึงภัยคุกคามที่เกิดขึ้น: เหยื่อจะตระหนักและรับรู้ถึงภัยคุกคามที่เกิดขึ้น โดยคนร้ายมักจะสร้างบรรยากาศแห่งความกลัว และความไม่แน่นอน ที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตของเหยื่อได้ทุกเมื่อ
  • เหยื่อมีความรู้สึกโดดเดี่ยว และต้องการการพึ่งพา: เหยื่อจะถูกจับและแยกตัวออกจากสังคม จนเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว และต้องพึ่งพาคนร้ายในเรื่องของ การทานอาหาร การเข้าห้องน้ำ ทำให้เกิดความไม่สมดุลของอำนาจ
  • การแสดงความเมตตาจากคนร้าย: บางครั้งคนร้ายอาจแสดงความเมตตาหรือผ่อนปรนเหยื่อเป็นครั้งคราว เช่น พูดจาดี ๆ ด้วย พาเหยื่อไปห้องน้ำตามที่ร้องขอ ให้ทานอาหารครบ 3 มื้อ เป็นต้น ซึ่งสามารถสร้างความสับสน และสร้างอารมณ์แปรปรวนให้กับเหยื่อได้
  • การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง: หลังจากผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มา เหยื่ออาจหาเหตุผลเข้าข้างตนเองหรือให้เหตุผลกับพฤติกรรมของคนร้าย มีการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อคนร้าย ซึ่งนักจิตวิทยาระบุว่า สิ่งนี้เป็นกลไกในการเอาตัวรอดของเหยื่อ จากการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่สร้างความกระทบกระเทือนทางจิตใจ

Stockholm syndrome “ไม่ใช่” อาการทางจิตเวช

หากแต่เป็นคำอธิบายของสภาวะทางอารมณ์และจิตใจ ที่ผู้ถูกกระทำแสดงออกมาหลังจากที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกคุมขัง แม้ว่าจะมีการศึกษาปรากฏการณ์นี้อย่างกว้างขวาง แต่นักวิจัยก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงได้ และไม่แน่ใจว่าเหตุใดบางคนจึงมีอาการ Stockholm Syndrome ในขณะที่บางคนไม่มีอาการนี้ แต่โดยรวมแล้วอาการนี้เป็น “กลไกการอยู่รอด” ชนิดหนึ่งของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการบาดเจ็บและการถูกทารุณกรรม 

คดีลักพาตัวและจับตัวประกัน มักเกี่ยวข้องกับผู้หญิง ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายคนวิเคราะห์ว่า ความรู้สึกเชิงบวกของเหยื่อที่มีต่อผู้ทำร้ายเป็นการตอบสนองทางจิตใจ ซึ่งเป็นกลไกการเผชิญปัญหาที่ใช้เพื่อเอาตัวรอดจากการบาดเจ็บหรือการถูกทารุณกรรมเป็นเวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือแม้แต่หลายปี

เงื่อนไขทางจิตวิทยาอื่น ๆ ที่ทำให้เกิด อาการ Stockholm Syndrome

และนอกจากข้อมูลปัจจัยที่เราได้กล่าวมาในข้างต้นแล้ว ก็ยังมีเงื่อนไขตามหลักจิตวิทยาอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการเห็นอกเห็นใจคนร้ายขึ้นมาอีกด้วยเช่น 

  • เหยื่อได้รับการบาดเจ็บทางกาย
  • ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะรู้สึก หรือจัดการสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี
  • มีความรู้สึกเชิงบวกต่อคนร้าย
  • มีเห็นอกเห็นใจต่อความเชื่อ และพฤติกรรมของคนร้าย หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันแล้ว
  • เหยื่อมีความรู้สึกด้านลบต่อตำรวจ หรือผู้มีอำนาจอื่น ๆ อยู่แล้ว
 

และเนื่องจากอาการสตอกโฮล์มซินโดรมไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นภาวะทางจิต จึงไม่มีวิธีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีแนวทางในการเยียวยาเช่นเดียวกับการรักษาอาการ PTSD (อาการป่วยทางจิต หลังจากเจอเรื่องที่ร้ายแรงมา) การรักษาโรคสต็อกโฮล์ม จึงมักจะเกี่ยวข้องกับการให้คำปรึกษาทางจิตเวชและจิตวิทยา หรือการบำบัดด้วยการพูดคุย หรืออาจมีการใช้ยาร่วมด้วย

การบำบัดช่วยรักษาอาการ Stockholm Syndrome ได้อย่างไร?

การบำบัดด้วยการพูดคุยหรือการใช้ยาร่วมในการรักษา จะช่วยบรรเทาอาการของผู้ที่มีอาการเห็นอกเห็นใจคนร้าย ดังนี้

  • เป็นการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกับประสบการณ์ที่เหยื่อเจอมา
  • ช่วยทำให้เหยื่อมีความเข้าใจว่า พฤติกรรมที่เห็นอกเห็นใจต่อคนร้าย เป็นทักษะการเอาชีวิตรอดอย่างหนึ่ง
  • ช่วยทำให้เหยื่อเรียนรู้วิธีที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อได้ (Move on)
 

และนอกเหนือไปจากการบำบัดด้วยการพูดคุยแล้ว จิตแพทย์ก็อาจสั่งยาเพื่อทำให้ผู้เข้ารับการรักษา นอนหลับได้ดี หรือสั่งยาลดความวิตกกังวลหรือลดภาวะซึมเศร้าเพิ่มเติม

สรุป อาการ Stockholm Syndrome ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวประกันทุกคน หรือไม่ได้เกิดทุกในสถานการณ์ที่มีการคุมขังเหยื่อ การเกิดอาการนี้อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาของการถูกจองจำ ลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างเหยื่อและคนร้าย และลักษณะทางจิตวิทยาของแต่ละบุคคล นักจิตวิทยาและนักวิจัยยังคงต้องศึกษา อาการ Stockholm Syndrome ต่อไป เพื่อทำความเข้าใจความซับซ้อนของอาการนี้ให้ดียิ่งขึ้น และให้ความช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ที่ประสบกับอาการนี้ต่อไป

แชร์บทความนี้ ให้คนที่ห่วงใย

OOCA
OOCA
บทความด้านสุขภาพจิตหลากหลายด้าน เป็นคลังความรู้ให้คุณได้อ่านและพร้อมรับมือกับทุกปัญหา
สนใจปรึกษานักจิตวิทยา
แบบนั่งคุยจากที่บ้าน
ดาวน์โหลดแอพอูก้าได้เลย
อูก้าเป็นกำลังใจให้นะ!
แอดเลย Line Official
อกหัก ให้นักจิตวิทยาฮีลใจ

ให้นักจิตวิทยาฮีลใจ ในวันที่อกหักต้องมูฟออนต่อไปโดยไม่มีเขา

จริงอยู่ที่หลายๆ ความเศร้าหลังอกหักจะลดน้อยลงไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถ มูฟออน หรือก้าวออกมาจากความสัมพันธ์ครั้งก่อนได้ด้วยตัวเอง

เสริมสุขภาพจิตด้วยความกตัญญูกตเวที

เสริมสุขภาพจิตด้วยความกตัญญูกตเวที เพิ่มพลังให้ชีวิตดีขึ้น

ยิ่งให้ยิ่งได้! พลังแห่งความกตัญญูกตเวที (Gratitude) ช่วยเยียวยาสุขภาพจิตได้อย่างไร? มาเริ่มต้นเปลี่ยนชีวิต ด้วยความรู้สึกขอบคุณกันเถอะ

ขอบคุณที่ติดตามข้อมูลข่าวสารจากเรา

อูก้า เรื่องของใจ ให้เรารับฟัง

ooca It’s okay we’ll listen