โรคไบโพลาร์ (Bipolar) อีกหนึ่งปัญหาทางใจ ที่หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าอาการที่แท้จริงของโรคนี้มาจากอะไรกันแน่ วันนี้อูก้าก็ได้นำสาระความรู้มาฝากกันอีกเช่นเคย เดิมทีโรคนี้ถูกเรียกว่า Manic depression ซึ่งเป็นภาวะทางสุขภาพจิตที่ทำให้ผู้ป่วยกเกิดอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง ซึ่งจะมี 2 ขั้นอารมณ์ที่แตกต่างกัน โดยแบ่งออกเป็น ช่วงอารมณ์ขึ้นสูง (Mania or hypomania) และช่วงตกต่ำ (Depression)
ไบโพลาร์ (Bipolar) กับ 2 ขั้วอารมณ์ ที่คุณต้องทำความรู้จัก
เมื่อคุณรู้สึกหดหู่ใจ (Depression) คุณอาจรู้สึกเศร้าหรือสิ้นหวัง และสูญเสียความสนใจหรือไม่มีความสุขกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่เมื่ออารมณ์ของคุณเปลี่ยนไปและเข้าสู่ขั้ว Mania or hypomania คุณจะรู้สึกร่าเริง เต็มไปด้วยพลัง หรือหงุดหงิดผิดปกติ ก็ได้ อารมณ์แปรปรวนเหล่านี้อาจส่งผลต่อการนอนหลับ พลังงานในการใช้ชีวิต การทำกิจกรรมต่าง ๆ และกระทบต่อความสามารถในการคิดอย่างชัดเจน
ประเภทของโรคอารมณ์ 2 ขั้ว
โรคอารมณ์ 2 ขั้ว แท้จริงแล้วมีหลายประเภท ซึ่งอาการต่าง ๆ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ ส่งผลทำให้เกิดความทุกข์ และความยากลำบากในชีวิตอย่างมาก ซึ่งอูก้าก็ได้นำประเภทของโรคอารมณ์ 2 ขั้วที่พบได้บ่อยมาแนะนำกัน
- โรคไบโพลาร์ I พบอาการคลุ้มคลั่งอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนหรือหลังภาวะซึมเศร้าก็ได้ ในบางกรณีอาการคลุ้มคลั่งที่เกิดขึ้น อาจทำให้ความคิดถูกตัดขาดจากโลกความเป็นจริง (โรคจิต)
- โรคไบโพลาร์ II พบอาการซึมเศร้าอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ไม่เคยมีอาการคลุ้มคลั่งมาก่อน
- ความผิดปกติของ Cyclothymic อาการ hypomania จะพบอาการซึมเศร้าอย่างน้อย 1 – 2 ปีในเด็กและวัยรุ่น (แต่อาการจะรุนแรงน้อยกว่าภาวะซึมเศร้า)
ทำความรู้จักกับภาวะ Mania และ hypomania
ภาวะ Mania และ hypomania จะเป็นภาวะที่มีอาการเหมือนกัน แต่ภาวะ Mania จะมีความรุนแรงมากกว่าภาวะ hypomania และทำให้เกิดปัญหาที่เห็นได้ชัดเจนกว่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ การทำงาน การเรียน และกิจกรรมทางสังคม ตลอดจนอาจทำให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ และถ้านำไปสู่การแยกระหว่างความจริงและเรื่องเพ้อฝันไม่ออก ก็จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การสังเกตภาวะ Mania และ hypomania สามารถทำได้ โดยผู้ป่วยมักจะมีอาการเหล่านี้ตั้งแต่ 3 อาการขึ้นไป
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- กล้ามเนื้อกระตุก
- มีความมั่นใจในตนเองที่เกินจริง
- การนอนหลับลดลง
- พูดเก่งผิดปกติ
- มีความฟุ้งซ่าน
- ตัดสินใจไปกับเรื่องต่าง ๆ ได้ไม่ดี เช่น ตัดสินใจลงทุนไปกับบางอย่างโดยที่ไม่คิดให้ดีเสียก่อน
ทำความรู้จักกับภาวะ ซึมเศร้า (Depression)
อาการซึมเศร้า เป็นอีกหนึ่งอาการที่ทำให้การทำกิจกรรมในแต่ละวันลำบากอย่างเห็นได้ชัด เช่น การไปทำงาน การไปโรงเรียน การเข้ากิจกรรมทางสังคม หรือมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ต่าง ๆ โดยสังเกตได้ถ้ามีอาการมากกว่า 5 อย่างนี้ปรากฎขึ้นมา
- มีอารมณ์ซึมเศร้า เช่น รู้สึกเศร้า ว่างเปล่า สิ้นหวัง หรือน้ำตาไหล (ในเด็กและวัยรุ่น อารมณ์ซึมเศร้าอาจปรากฏเป็นความหงุดหงิด)
- หมดความสนใจหรือไม่มีความสุขในกิจกรรมทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด
- น้ำหนักลดอย่างมาก เพราะไม่อยากทานอาหาร หรือน้ำหนักขึ้นอย่างมาก เพราะกินแบบไม่หยุด หรือความอยากอาหารลดลงหรือเพิ่มขึ้นสลับกันไป
- นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป
- กระวนกระวายใจหรือมีพฤติกรรมเชื่องช้า
- มีความเหนื่อยล้าหรือรู้สึกสูญเสียพลังงาน
- มีความรู้สึกไร้ค่าหรือรู้สึกผิดมากเกินไป
- ความสามารถในการคิดหรือมีสมาธิลดลง
- คิดวางแผนหรือพยายามฆ่าตัวตาย
อาการอื่น ๆ ที่บ่งบอกถึงภาวะโรคไบโพลาร์
นอกเหนือไปจากอาการที่อูก้าได้กล่าวมาในข้างต้น สัญญาณและอาการของโรคไบโพลาร์ 1 และไบโพลาร์ 2 อาจรวมถึงลักษณะอื่น ๆ ด้วย เช่น มีความวิตกกังวล เศร้าโศก โรคจิต หรืออื่น ๆ ระยะเวลาของอาการที่เกิดขึ้นสามารถสลับกันไปได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้อาการไบโพลาร์อาจเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ได้อีกด้วย
เมื่อไหร่ถึงควรไปพบแพทย์?
ถึงแม้จะมีอารมณ์สุดขั้ว แต่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ก็มักจะไม่รู้สึกว่าตนเองผิดปกติอะไร จึงทำให้ไม่ได้สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และก็ไม่ได้เข้ารับการรักษา นอกจากนี้หลาย ๆ อาจจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ และมีพลังในการทำงานอย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น (ในยามที่สมองกำลังเข้าสู่ช่วง Mania และ hypomania) แต่อย่างไรก็ตาม ความอิ่มอกอิ่มใจนี้มักตามมาด้วยความหดหู่ทางอารมณ์ เหนื่อยล้า ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามของสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นช่วงที่ทำให้คุณรู้สึกแย่มาก
คำแนะนำจากอูก้า คือ หากคุณมีอาการซึมเศร้าหรือคลุ้มคลั่งมากจนเกินพอดี แนะนำให้เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพราะโรคไบโพลาร์ไม่สามารถดีขึ้นเองได้ ดังนั้นการเข้ารับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโรคไบโพลาร์ จะสามารถทำให้คุณควบคุมอาการได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีการรักษาที่หลากหลายเลยทีเดียว และคุณจะได้กลับมามีอารมณ์ที่ปกติ ได้เป็นตัวเองอย่างมั่นใจ และไม่ว่าชีวิตจะส่งบททดสอบอะไรมาให้ ขอให้คุณมั่นใจไว้นะว่าคุณจะผ่านไปได้เสมอ
อ้างอิง: mayoclinic.org